เกณฑ์ สคบ.ที่มีการควบคุมดอกเบี้ยมีผลกระทบต่อบริษัทหรือไม่ กรณีที่ทาง สคบ. ที่ต้องการควบคุมอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อเช่าซื้อ โดยคาดว่าจะมีผลบังคับใช้ภายในไตรมาสแรกของปี 2566 จะกระทบต่อ HENG หรือไม่ บริษัทมีกลยุทธ์รับมืออย่างไร และจะกระทบ NIM ของบริษัทเท่าไร

HENG ได้มีการเตรียมการเกี่ยวกับเรื่องนี้ตั้งแต่มีการ Hearing เมื่อปีที่ผ่านมาแล้ว ซึ่งเบื้องต้นจะเป็นการชะลอการปล่อยสินเชื่อให้รถที่มี Yield สูงกว่า 15% สำหรับรถยนต์ ส่วนของรถจักรยานยนต์จะเป็นผลิตภัณฑ์ได้รับผลกระทบน้อย เนื่องจากมีเพียง 3% ของพอร์ต จึงไม่กระทบเป้าหมายอย่างมีนัยสำคัญเนื่องจากดอกเบี้ยที่จัดเก็บอยู่ในอัตราตลาดซึ่งไม่เกินเพดานที่ สคบ.ประกาศ และไม่กระทบกับ NIM อย่างมีนัยสำคัญ

ทาง HENG มีการติดต่อกับสถาบันการเงินผู้ให้กู้ถึงเรื่องการขึ้นดอกเบี้ย มาตั้งแต่ต้นปีและมีบางธนาคารได้อนุมัติการปรับลดดอกเบี้ยมาแล้ว จึงทำให้การขึ้นดอกเบี้ยครั้งนี้จะไม่ได้รับผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญ โดยอัตราดอกเบี้ยจะขึ้นอยู่กับกลไกตลาด แต่การจัดการด้านต้นทุนทางการเงินทางบริษัทจะใช้วิธีเจรจากับผู้ให้กู้ยืมในการลดต้นทุนทางด้านดอกเบี้ยก่อนเป็นอันดับแรก

หลังจากเปิดประเทศส่งผลทำให้เศรษฐกิจมหภาคขยายตัว ทำให้ธุรกิจสามารถฟื้นตัวได้แหล่งเงินทุนจึงเป็นปัจจัยสำคัญในการขยายธุรกิจ สำหรับภาคอุตสาหกรรมการเงินจึงได้รับอานิสงจากปัจจัยดังกล่าวคาดความสามารถในการขยายธุรกิจจะไปในทิศทางบวก สำหรับไตรมาสสุดท้าย และผลรวมประจำปี สำหรับ HENG คาดว่ามียังคงการขยายตัวในปีนี้อยู่ที่ 25-30% โดยเน้นสินเชื่อที่มีหลักประกัน ไตรมาส 3 นี้ HENG ได้ขยายพอร์ต ไปแล้ว 23 % ดังนั้น HENG ยังคงตั้งเป้าหมายในปี 2565 และ 2566 ไว้ที่ 25-30% เช่นเดียวกัน

บริษัทอยู่ระหว่างศึกษาโอกาสทางธุรกิจและความเสี่ยงที่คาดว่าจะกระทบสำหรับปี 2565 อาจจะยังไม่มีการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ จะต้องมีการชะลอการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ออกไปก่อน เนื่องผลิตภัณฑ์ Digital personal loan เป็นสินเชื่อที่มีความเสี่ยงสูงทางบริษัทยังอยู่ในระหว่างศึกษาความเป็นไปได้ของผลิตภัณฑ์ดังกล่าว

เนื่องจากบริษัทมีการให้ความสำคัญทางด้านการจัดเก็บมากขึ้น จึงทำให้ปริมาณหนี้ NPL ของบริษัทลดลง จึงทำให้ปริมาณการกันสำรองลดลง ดังนั้น HENG ยังคงตั้งเป้าหมาย NPL ไว้ที่ 3.1% ตามกลยุทธ์ของบริษัท เพราะเป็นไปตามภาพรวมของเศรษฐกิจมหภาค ซึ่งมาจากการมีความสามารถในการชำระหนี้ของลูกค้า ดังนั้น Credit Cost ของบริษัทจะลดลงเช่นกัน

เนื่องจากบริษัทมีการขยายสาขาให้เป็นไปตามเป้าหมาย 638 สาขา ดังนั้นค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นส่วนใหญ่เกิดจากค่าเช่าสาขาและค่าใช้จ่ายบุคลากรเป็นหลัก โดยจะมีการศึกษาพื้นที่เพื่อเตรียมการในการเปิดสาขา สำหรับปี 2566

ไม่มีผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากกลุ่มที่ได้รับผลกระทบไม่ใช่ลูกค้ากลุ่มหลักของบริษัท

แนวโน้มจากรายได้ค่าธรรมเนียมของธุรกิจประกันเพิ่มขึ้นเนื่องจากปัจจุบันบริษัทได้เน้นให้พนักงานขายผลิตภัณฑ์ควบคู่สินเชื่อ เพื่อเป็นการช่วยลดความเสี่ยงของลูกค้าและบริษัท โดยส่วนใหญ่เป็นประกันชีวิตคุ้มครองวงเงินมากกว่าประกันภัยรถ

อยู่ระหว่างการศึกษาและดำเนินการเตรียมความพร้อม มีแนวโน้มจะออกหุ้นกู้ตามมติผู้ถือหุ้น

บริษัทมีความเชี่ยวชาญในธุรกิจนี้มาเป็นเวลานาน และมองเห็นคู่แข่งที่เข้ามาในตลาดอยู่เสมอ ซึ่งบริษัทยังคงยึดแนวทางในการดำเนินงานของบริษัทซึ่งเน้นการเข้าถึงแหล่งชุมชน และเน้นการจัดเก็บที่มีประสิทธิภาพ